

Articles
คือคำที่ใช้ประกอบหน้าคำนาม แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. Indefinite articles หมายถึงคำที่ใช้นำหน้านามที่ไม่ชี้เฉพาะ ได้แก่
A
How to use : ตัวนี้จะใช้นำหน้าคำนามนับได้ที่เป็นเอกพจน์ และขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ
Example :
A monkey = ลิงตัวหนึ่ง >> เนื่องจากลิงเป็นนามนับได้เอกพจน์ และ m เป็นพยัญชนะ เราจึงใช้ a วางด้านหน้า
A ring = แหวนวงหนึ่ง >> เช่นเดียวกันกับเหตุผลด้านบน เนื่องจาก แหวนเป็นนามนับได้เอกพจน์ และ rเป็นพยัญชนะ เราจึงใช้ a วางด้านหน้า
An
How to use : ตัวนี้จะใช้นำหน้าคำนามที่เป็นเอกพจน์และขึ้นต้นด้วยสระ อันประกอบด้วย a, e, i, o และ u
Example :
An umbrella = ร่มคันหนึ่ง >> เนื่องจากร่มเป็นนามนับได้เอกพจน์ และ u เป็นสระ จึงใช้ an
*Note 1 : แม้ว่าคำส่วนใหญ่จะเป็นไปตามกฎข้างต้นนี้ แต่ก็มีคำบางกลุ่มที่แม้ว่าจะเห็นเขียนขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แต่เวลาอ่าน เสียงมันเป็นเสียงสระ ทำให้ต้องใช้ an
Example :
An hour = ชั่วโมงหนึ่ง , an heir= ทายาทคนหนึ่ง, an honest man = ผู้ชายที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง >> คำเหล่านี้ขึ้นต้นด้วยตัว h ซึ่งเป็นพยัญชนะ ตามกฎต้องใช้ a แต่เนื่องจากเวลาออกเสียง จะออกเสียงเหมือนไม่มี h อยู่ เสียงเลยตกอยู่ที่ตัวอักษรที่สองซึ่งเป็นสระแทน ดังนั้น เวลาใช้คำนำหน้า เราจึงใช้ an
*Note 2 : เราสามารถใช้ a นำหน้าคำบอกจำนวน เพื่อเป็นการบอกคร่าวๆได้ด้วย
Example :
There are a hundred of people who want to see this cinema. = มีคนเป็นร้อยๆคนที่อยากดูหนังเรื่องนี้ >> จะเห็นได้ว่าในที่นี้ ใช้ a นำหน้า hundred เป็นการบอกถึงความไม่แน่นอน คือรู้ว่ามีเป็นร้อยๆ แต่ระบุตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ว่ากี่ร้อยกันแน่ ถ้าระบุได้ ปกติมักจะใส่เลขระบุจำนวนไปเลย เช่น two hundred people, three hundred people เป็นต้น
2. Definite articles หมายถึงคำที่ใช้นำหน้านามที่ชี้เฉพาะ ได้แก่
The
หลักการใช้ The มีอยู่มากมายเป็นสิบๆข้อเลยทีเดียว เราจะมาสรุปพร้อมยกตัวอย่างให้ฟังกันทีละข้อค่ะ
How to use :
1.) ใช้เมื่อนามนี้เป็นสิ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียว
Example :
Speed of the Earth’s orbit around the sun is quite high. = ความเร็วของการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์นั้นสูงมาก >> Earth และ Sun เป็นสิ่งที่มีเพียงอย่างเดียว ไม่มีใครเหมือน จึงใช้ the
2.) ใช้เมื่อกล่าวถึงนามนั้นซ้ำอีกรอบ
Example : Yesterday I bought a lot of pens. The pens are very good. = เมื่อวานฉันซื้อปากกามาหลายด้าม ปากกาเหล่านั้นดีมาก >> เมื่อ pens ถูกกล่าวถึงซ้ำในประโยคที่สอง เราจึงใช้ the นำหน้า
3.) ใช้นำหน้าชื่อเฉพาะ
Example : There is a picturesque view around The Eiffel Tower. = รอบๆหอไอเฟลมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด >> หอไอเฟลเป็นนามเฉพาะ จึงใช้ the
*Note : picturesque (adj) = ราวกับภาพวาด >> ใช้คล้ายกับตอนใช้คำว่า beautiful
4.) คำนามที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้
Example: The moon , The sun , The world ,
The earth (คำนี้อ่านว่า ดิ เอิร์ธ นะคะ เพราะ The ตามด้วยคำที่มีเสียงขึ้นต้นด้วยสระ ‘a,e,I,o,u’ จะอ่านจาก เดอะ เป็น ดิ)
5.) คำนามที่เป็นพหูพจน์เสมอ
Example : The Rolling Stones , The Social Democrats
6.) คำนามที่เป็น ชื่อเฉพาะของคน มีรูปพหูพจน์ หมายถึงครอบครัว
Example : The Potters study at Hogwarts school.= ครอบครัวพอตเตอร์เรียนที่ฮอกวอตส์
7.) คำนามที่เป็นตำแหน่ง
Example : Elizabeth, the Queen of England ถ้าไม่ระบุชื่อ ให้ถือเป็นที่รู้กัน ว่า
the Queen of England คือคนไหน , The Prime Minister
8.) นำหน้าเลขลำดับที่
Example: the first , the , second , the third
9.) พูดถึงสิ่งรวมๆทั่วไป
Example: The human race , The sky , The sea.
10.) นำหน้าคำนามที่มีประโยคขยาย ( adjective clause , Participle phrase )
Example: The man reading a newspaper is my father.
( reading a newspaper เป็น participle ขยาย man เพราะฉะนั้นหน้า man ต้องมี the นะ )
The bag that I bought yesterday has been stolen.
( that I bought yesterday เป็น clause ขยาย bag เพราะฉะนั้น หน้า bag ต้องมี the นะ )
11.) นำหน้าคำนามที่มี Prep. Phrase
Example: The water in the sea is very clean.
( in the sea เป็น prep. phrase )
She studies at the University of Cambridge.
( of Cambridge เป็น prep. phrase หน้า university ต้องมี the )
สามารถใช้คำว่า Cambridge University แทน The University of Cambridge ได้ค่ะ
The University of + สถานที่ !! (ต้องเป็นชื่อสถานที่เท่านั้น)
เช่น The University of Cambridge (Cambridge เป็นชื่อเมือง ใช้ได้)
หรือ The University of Oxford (Oxford เองก็เป็นเป็นชื่อเมือง ใช้ได้ค่ะ)
Thammasat University หรือ Chulalongkorn University.
12.) ประเทศที่มี s ต่อท้าย
Example: The Netherlands , The Philippines , The United States of America
ยกเว้น!! Laos
13.) สถานที่สำคัญ
Example : The White House , The Red Square , The Taj Mahal , The Pentagon
14.) ใช้ The กับ นามนับได้เอกพจน์ ที่หมายถึงนามนั้นเป็นหมวดหมู่ของรวมกัน
มีลักษณะแทนหมวดหมู่ทั้งหมด
Example : The tiger is a dangerous animal. (สัตว์ตระกูลเสืออันตราย)
A tiger is a dangerous animal. (เสือตัวหนึ่งอันตราย)
Tigers are dangerous animals. (เสือหลายตัวอันตราย)
15.) ชื่อทางภูมิศาสตร์
1.) ภูเขา ex. The Everest , The Andes
2.) หมู่เกาะ ex. The Falklands
แต่ !! The Phuket (ไม่ได้นะ เพราะภูเก็ตเป็นเกาะเดียวไม่ใช่หมู่เกาะ)
3.) คลอง,แม่น้ำ ex. The Thames , The Suez
4.) มหาสมุทร ex. The Pacific Ocean , The Mediterranean
5.) ช่องแคบ ex. The Dover , The Bosporus Straits (ช่องแคบ)
16.) ชื่ออาณาจักร
Example : The Holy Roman Empire (อาณาจักรศักดิ์สิทธ์โรมัน)
17.) นำหน้า Superlative / Comparative Degrees
1.) Superlative = ขั้นสูงสุด
Example: She is the most beautiful girl in my school.
2.) Comparative Degrees
Example: The + ขั้นกว่า , the + ขั้นกว่า = ยิ่ง … ยิ่ง …
The more you read , the more successful you are.
(ยิ่งคุณอ่านมาก คุณยิ่งประสบความสำเร็จ)
17.) ใช้นำหน้าสำนวนต่อไปนี้
1.) ขั้นตอน
the beginning , the middle , the end
2.) ลำดับเวลาต่อเนื่อง
the past , the present , the future
3.) ช่วงเวลาของวัน
the morning , the afternoon , the evening
ยกเว้น at noon , at middle , ad night , ad midnight
18.) ใช้ the นำหน้า radio , theatre , cinema ยกเว้น หน้า television
– ถ้าในความหมาย = ดูภาพยนตร์ ไม่เติม the
She loves to watch television.
– ถ้าในความหมาย = เปิด/ปิดทีวี ต้องเติม the
Tell me how to turn off the television.
จัดทำโดย
นางสาวฐานิดา จริตรัมย์
นางสาวรัชนีกร สุขเสริม
นางสาวศศกรณ์ หอมเนียม
นางสาวสุนันทา ประเสริฐศรี
BA.3/1
โพสโดย
นางสาวศุภลักษณ์ ชาติชาวนา BE 3/2