Passive Voice คืออะไร มันใช้ยังไงอ่ะ ตอบคำถามแรกแบบง่ายๆก่อนนะว่า “passive voice” คือ โครงสร้างของประโยคที่เน้นประธานเป็นผู้ถูกกระทำ ไม่ใช่ประธานเป็นผู้กระทำ OMG! แค่คำนิยามของมันก็งงแล้ว ถ้างั้นเราจะมาเรียนรู้ “ความหมาย หลักการใช้ โครงสร้าง และตัวอย่างประโยคให้เคลียร์ๆกันไปเลยดีกว่านะครับ
Passive Voice คืออะไร
ก่อนตอบคำถามว่า passive voice คืออะไรนั้น เราต้องทำความเข้าใจโครงสร้าง หรือองค์ประกอบของประโยคกันก่อนนะครับ ถ้าเราเรียนในห้องเรียนคุณครูก็จะบอกว่า โครงสร้างประโยคประกอบไปด้วย 3 ส่วนดังนี้
ประธาน กริยา กรรรม
ประธาน คือ ผู้กระทำ
กริยา คือ การกระทำ
กรรม คือ ผู้ถูกกระทำ
ตัวอย่างประโยค เช่น ฉัน กิน ข้าว / I eat rice.
ฉัน/ I คือ ประธาน เพราะคือผู้กระทำ
กิน/ eat คือ กริยา เพราะคือการกระทำ
ข้าว/ rice คือ กรรม เพราะคือผู้ถูกกระทำ
ประโยคด้านบนนี้ ภาษาไทยไทยเรียกว่า “ประโยคเน้นประธาน” โดยการเอาผู้กระทำขึ้นต้นประโยค คือ เน้นว่า “ใคร ทำอะไร” ภาษาอังกฤษเรียกว่า Active Voice (แอ็คทิฝว็อยซ)
ที่นี้ถ้าเราสลับกันระหว่าง ประธานกับกรรม เอากรรมมาไว้ต้นประโยค
ประโยคที่ได้ก็จะเป็น ข้าว ถูกกิน โดย ฉัน / Rice is eaten by me
Rice / ข้าว เป็น ประธาน
is eaten/ ถูกกิน เป็น กริยา
by me / โดยฉัน เป็น ภาคขยาย (บางครั้งไม่ต้องมีก็ได้ เดี๋ยวค่อยดูตัวอย่างด้านล่าง)
ประโยคด้านบนนี้ ภาษาไทยไทยเรียกว่า “ประโยคเน้นกรรม” โดยการเอาผู้กระถูกทำขึ้นต้นประโยค คือ เน้นว่า “ใคร ถูกทำ” ภาษาอังกฤษเรียกว่า Passive Voice (แพ็ซซิฝว็อยซ)
สรุปได้ว่า
Passive Voice คือประโยคที่เน้นกรรม เน้นว่าใครถูกทำ
Active Voice คือประโยคที่เน้นประธาน เน้นว่าใครทำอะไร
ถ้าใครยังไม่เคยเรียนเรื่อง Active Passive voice มาก่อนจะงงๆ ว่า “eat แปลว่า กิน แต่ is eaten แปลว่า ถูกกิน” เอ๊ะมันยังไง ขอเฉลยคำถามนี้ในหัวข้อ “โครงสร้าง passive voice” นะครับ
หลักการใช้ passive voice
หลักการใช้ คือ ใช้เน้นผู้ถูกกระทำ หรือเน้นกรรมของประโยค ทำให้ประโยคโฟกัสไปที่ผู้ถูกกระทำ เช่น
-3 men robbed the ABC bank yesterday.
3 หนุ่ม ปล้น ธนาคารเอบีซี เมื่อวานนี้ จะเห็นว่าประโยคนี้เน้น ผู้กระทำ (คนที่ไหนหนอมาปล้น )
เปรียบเทียบกับ
- The ABC bank was robbed yesterday.
ธนาคาร เอบีซี ถูก ปล้น เมื่อวานนี้ จะเห็นว่าประโยคนี้เน้น ผู้ถูกกระทำ (ห๊า… ธนาคารนี้ถูกปล้นอีกแล้ว )
อย่างที่บอกแล้วว่าเป็นการเน้น ผู้ถูกกระทำ ดังนั้นใครเป็นคนทำไม่ต้องพูดถึงก็ได้ เพราะรู้ๆกันโดยนัย ดังตัวอย่างด้านบน
- 3 men were arested this morning.
3 หนุ่ม ถูกจับ เมื่อเช้านี้ (ใครจับอ่ะรู้มั๊ย… รู้..ตำรวจไง ไม่ต้องบอกก็ได้)
- Jenny was hit because she didn’t do the housework.
เจนนี่ ถูกตี เพราะ หล่อน ไม่ ทำ งานบ้าน (ใครตี ..ไม่พ่อ ก็แม่นี่แหละ น่าจะเป็นแม่…แต่ใครก็ช่างเหอะ ไม่สน สนแต่ว่าเจนนี่โดนแล้วกัน)
- Jenny was hit because she didn’t do her homework.
เจนนี่ ถูกตี เพราะ หล่อน ไม่ ทำ การบ้าน (ใครตีอ่ะ…อันนี้ไม่บอกก็น่าจะรู้เน๊าะ…)
เอาอีกสักสองตัวอย่างนะครับ อันนี้ไม่เน้นว่าใครเป็นคนทำ ดังนั้นไม่ต้องบอกก็ได้ว่าใครทำ
- These luxury cars were imported from Europe.
รถยนต์ หรู เหล่านี้ ถูก นำเข้ามา จาก ยุโรป (ใครนำเข้าไม่บอก อยากบอกให้รู้แค่ว่านำเข้ามาจากยุโรป)
- Everest was climbed for the first time in 1953.
เขา เอเวอเร็สต์ ถูก ปีน ครั้งแรก ใน ปี 1953 (ใครปีนไม่เน้น เน้นว่าทำสำเร็จตอนไหน)
สรุปได้ว่า
หลักการใช้ คือ ใช้เน้นผู้ถูกกระทำ ไม่เน้นผู้กระทำนั่นเอง
โครงสร้าง passive voice
* คำเตือน การเรียนรู้หัวข้อ passive voice คุณต้องเข้าใจเรื่อง 12 Tense มาแล้วพอสมควร เพราะหัวข้อนี้เป็นการต่อยอดจากเรื่อง Tense นะครับ
ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ถ้าไม่เข้าใจเรื่อง Tense แต่มาเรียนหัวข้อนี้มันก็จะงงๆหน่อย เพราะการอธิบายขยายความ เป็นการพูดเสริมเพิ่มเติมจากโครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 นั่นเอง
โครงสร้าง passive voice หลักๆเลย จะต้องมี Verb to be กำกับด้วยเสมอ (is, am, are, was, were, been)
โครงสร้าง passive voice ของ Prsent Tense
โครงสร้าง passive voice ของ Past Tense
โครงสร้าง passive voice ของ Future Tense
ผู้จัดทำ
นางสาวจิราภรณ์ สออนรัมย์ รหัส 590112155018
นางสาวเจนจิรา เนตรวิลา รหัส 590112155021
นางสาวดวงกมล เหมาเหมาะดี รหัส 590112155028
นางสาวอรทัย เอการัมย์ รหัส 590112155052